
สำหรับคนที่ ที่บ้านเลี้ยงน้องหมา หนึ่งในปัญหาที่หลายคนกังวลมากที่สุดก็คือเรื่องของโรคผิวหนัง โดยเฉพาะเมื่อพบว่าน้องหมาสุดที่รักเริ่มมีอาการคัน ผิวหนังแดง ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่าสุนัขของคุณกำลังเผชิญกับ "โรคขี้เรื้อน" อยู่ก็ได้ หากหมาเป็นขี้เรื้อนทำยังไงดีล่ะ? วันนี้ Yora Thailand จะพาทาสหมาทั้งหลายมาเจาะลึกถึงโรคขี้เรื้อนในสุนัข เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถดูแลรักษาได้อย่างถูกวิธีกันครับ
โรคขี้เรื้อนคืออะไร?

โรคขี้เรื้อนในสุนัข หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า "โรคไรขี้เรื้อน" เกิดจากไรขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เข้าไปอาศัยและเจริญเติบโตอยู่ในผิวหนังของสุนัข โดยไรเหล่านี้จะกัดกินเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคือง คัน และเกิดปัญหาผิวหนังตามมา โรคนี้สามารถติดต่อได้ทั้งจากสุนัขสู่สุนัข และในบางกรณีอาจติดต่อถึงมนุษย์ได้ โดยโรคขี้เรื้อนจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. โรคขี้เรื้อนเปียก (Demodectic Mange)
เกิดจากไร Demodex ที่อาศัยอยู่ตามรูขุมขนของสุนัขโดยธรรมชาติ
ไร Demodex ปกติแล้วไม่ได้ทำให้เกิดโรค แต่เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของสุนัขอ่อนแอ ไร Demodex จะขยายตัวมากผิดปกติจนเกิดเป็นโรคขี้เรื้อนเปียกได้
มักพบในลูกสุนัขหรือสุนัขที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ไม่ติดต่อระหว่างสุนัขด้วยกัน และไม่ติดต่อสู่คน
2. โรคขี้เรื้อนแห้ง (Sarcoptic Mange/ Scabies)
เกิดจากไร Sarcoptes Scabiei อาศัยอยู่บนผิวหนังชั้นหนังกำพร้า
ไร Sarcoptes Scabiei สามารถสืบพันธุ์และออกไข่ ทำให้เกิดการลามได้ไวมาก
มักพบได้บ่อยในสุนัขจรจัด
มักทำให้เกิดอาการคันรุนแรง
ติดต่อได้ง่ายและไวระหว่างสุนัข และสามารถติดต่อถึงคนได้จึงจำเป็นต้องดูแลอย่างเคร่งครัด

อาการของโรคขี้เรื้อนในสุนัข
การสังเกตอาการเบื้องต้นมีความสำคัญอย่างมากในการวินิจฉัยและรักษาโรคได้ทันท่วงที โดยอาการที่พบบ่อยมีดังนี้
อาการของโรคขี้เรื้อนเปียก (Demodectic Mange)
ระยะเริ่มต้น:
เกิดจุดแดงเล็ก ๆ หรือรอยด่างบริเวณรอบตา ปาก
ขนร่วงเป็นวงกลมเล็ก ๆ ผิวไม่มีสะเก็ด
อาการคันไม่รุนแรงเท่าขี้เรื้อนแห้ง
ผิวหนังอาจมีสีแดงหรือชมพู
ระยะรุนแรง:
ขนร่วงเป็นบริเวณกว้าง ผิวหนังเป็นมัน
มีเม็ด มีตุ่มหนอง
มีน้ำเหลืองซึมตามผิวหนัง มีกลิ่นเหม็น
เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
ผิวหนังหนาตัว เป็นปื้นสีเทาหรือน้ำตาล
ในกรณีรุนแรงอาจลุกลามไปทั่วตัว อาจพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย
ตำแหน่งที่พบบ่อย:
รอบดวงตา
บริเวณปาก
ขาหน้าทั้งสองข้าง
ลำตัวส่วนหน้า
อาการของโรคขี้เรื้อนแห้ง (Sarcoptic Mange/ Scabies)
ระยะเริ่มต้น:
เกิดผื่นแดงเล็ก ๆ คล้ายยุงกัด มักพบบริเวณใบหู ข้อศอก และท้อง
สุนัขจะแสดงอาการคันมาก เกาตลอดเวลาจนกระทั่งนอนไม่หลับ
ผิวหนังเริ่มมีรอยถลอกจากการเกา
ระยะรุนแรง:
ผิวหนังแห้งและหนาตัวขึ้น เป็นสะเก็ดสีเทาหรือเหลือง
ขนร่วงเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบริเวณขอบหู ข้อศอก และท้อง
เกิดแผลติดเชื้อแทรกซ้อนจากการเกาจนเป็นแผล
สุนัขมีอาการซึมเศร้า เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
ตำแหน่งที่พบบ่อย
ขอบหู
ข้อศอก ข้อเข่า
ใต้ท้อง
บริเวณหน้าและจมูก

วิธีการรักษาโรคขี้เรื้อนในสุนัข
เมื่อสุนัขมีอาการขี้เรื้อน ไม่ว่าจะชนิดใดก็ตาม เจ้าของควรพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยให้หายได้เร็วและป้องกันการแพร่กระจายของโรค
การวินิจฉัย สัตวแพทย์จะทำการขูดเพื่อเก็บตัวอย่างผิวหนังหรือขนไปส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาไรที่เป็นสาเหตุของโรค
การรักษาด้วยยา สัตวแพทย์มักจะจ่ายยา เช่น ยาทา ยาหยดหลัง หรือยากินประเภทกำจัดไร รวมทั้งอาจมีการให้ยาลดอาการคันและอักเสบร่วมด้วย
การอาบน้ำรักษาโรค สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ใช้น้ำยาอาบน้ำที่มีสารฆ่าไรขี้เรื้อน เพื่อช่วยลดจำนวนไรและบรรเทาอาการคัน
การรักษาเพิ่มเติม ในกรณีที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อน อาจจำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพิ่มเติมด้วย
การป้องกันโรคขี้เรื้อนในสุนัข
การป้องกันที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคขี้เรื้อน โดยมีวิธีการดังนี้
การดูแลสุขภาพทั่วไป
ให้อาหารสุนัขที่มีคุณภาพ
พาไปตรวจสุขภาพประจำปี
ดูแลความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงความเครียด
การจัดการสภาพแวดล้อม
รักษาความสะอาดที่อยู่อาศัย
ซักทำความสะอาดที่นอนและอุปกรณ์
ควบคุมความชื้นในบ้าน
แยกอุปกรณ์ของสุนัขแต่ละตัว ในกรณีที่ที่บ้านเลี้ยงน้องหมาหลายตัว
การเฝ้าระวัง
สังเกตอาการผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสุนัขที่ไม่รู้ประวัติ
พาไปพบสัตวแพทย์ทันทีเมื่อพบความผิดปกติ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคขี้เรื้อนในสุนัข
Q: โรคขี้เรื้อนรักษาหายขาดไหม?
A: โรคขี้เรื้อนสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ทั้งนี้ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและครบกำหนด
Q: ใช้เวลานานแค่ไหนในการรักษา?
A: ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้นในกรณีที่มีอาการรุนแรง
Q: สามารถป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้อย่างไร?
A: การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำทำได้โดยการดูแลสุขภาพและสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการจัดการสภาพแวดล้อมให้สะอาด
Q: ถ้าสังเกตเห็นอาการว่าน้องหมาอาจเป็นขี้เรื้อน ซื้อยามารักษาเองได้ไหม?
A: ยาแต่ละตัวนั้นมีผลข้างเคียงและข้อคำนึงในการใช้ที่แตกต่างกัน การใช้ยาจึงต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์เท่านั้น ห้ามซื้อมาใช้เองเป็นอันขาด
เพียงเท่านี้พ่อ ๆ แม่ ๆ ก็ได้เข้าใจวิธีรับมือหากน้องหมาเป็นขี้เรื้อน โรคขี้เรื้อนในสุนัขเป็นปัญหาที่สามารถรักษาและป้องกันได้ หากเจ้าของสังเกตอาการและพาไปพบสัตวแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การดูแลอย่างถูกวิธีและต่อเนื่องจะช่วยให้สุนัขหายจากโรคและมีสุขภาพที่ดี อย่าลืมว่า การพบสัตวแพทย์เมื่อสงสัยว่าสุนัขเป็นโรคขี้เรื้อนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้สุนัขของคุณหายจากโรคได้เร็วขึ้น และป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังสัตว์เลี้ยงตัวอื่นหรือคนในครอบครัว
นอกจากเรื่องสุขภาพของน้อง ๆ แล้ว เรื่องอาหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เจ้าของต้องให้ความสำคัญ ยังไงเราก็ขอฝาก Yora อาหารสุนัขเกรด Holistic นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ซึ่งทำมาจากโปรตีนแมลง ย่อยง่าย ให้โภชนาการสูง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้น้องหมามีสุขภาพดี ผิวแข็งแรง ไว้ด้วยนะครับ
| situs slot gacor terpercaya | situs slot gacor terpercaya | situs slot gacor terpercaya | situs slot gacor terpercaya |