top of page
Search

เข้าใจความหมาย ทำไมน้องหมาแลบลิ้น ชอบทำลิ้นห้อย?



เชื่อว่าเหล่าคนเลี้ยงสุนัข จะต้องเคยสังเกตเห็นลิ้นน่ารักๆ ที่ห้อยออกมาจากปากของน้องหมาอย่างแน่นอน บางครั้งอาจเป็นเพียงแค่ปลายลิ้นที่โผล่ออกมานิดหน่อย แต่บางครั้งก็เป็นลิ้นทั้งแผ่นที่ห้อยยาวน่าเอ็นดู แต่ทำไมน้องหมาถึงชอบแลบลิ้นหรือห้อยลิ้นกันนะ? มีความหมายอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมน่ารักนี้อยู่หรือเปล่า? และเมื่อไหร่ที่เราควรกังวลกับการที่น้องหมาแลบลิ้นบ่อยๆ? มาหาคำตอบไปพร้อมกันกับ Yora Thailand เลย!



 

เหตุผลทางสรีรวิทยา: ทำไมน้องหมาต้องแลบลิ้น


พ่อ ๆ แม่ ๆ รู้ไหมว่าน้องหมา “ไม่มีเหงื่อ” เหมือนคนเรา! เจ้าตูบของเรามีต่อมเหงื่อแค่บางจุดเท่านั้น เช่น บริเวณอุ้งเท้า ซึ่งน้อยเกินไปที่จะช่วยระบายความร้อนได้ทั่วทั้งตัว


แล้วน้องหมาจัดการกับความร้อนในร่างกายยังไง? คำตอบก็คือ การหอบ + แลบลิ้น นั่นแหละ!


เวลาน้องรู้สึกร้อน เขาจะหอบถี่ ๆ พร้อมแลบลิ้นออกมายาว ๆ ลิ้นที่ชุ่มน้ำลายจะช่วยให้ความชื้นระเหยออกเมื่อเจออากาศ กระบวนการนี้เหมือนดึงเอาความร้อนออกจากตัวไปด้วย ช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงแบบมีประสิทธิภาพสุด ๆ


และรู้ไหมว่า ลิ้นของน้องหมาไม่ได้มีดีแค่ความยาว แต่ยังเต็มไปด้วย เส้นเลือดฝอย ใต้ผิวจำนวนมาก แถมยังมีพื้นที่ผิวกว้าง จึงช่วยให้เกิดการถ่ายเทความร้อนได้รวดเร็วสุดๆ


พูดง่าย ๆ คือ ลิ้นของน้องหมา เท่ากับ หม้อน้ำของร่างกาย ที่ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในจุดที่พอดี ไม่ให้ร้อนเกินไปนั่นเอง



เหตุผลอื่นๆ ของอาการหมาลิ้นห้อย หมาแลบลิ้น 


การแลบลิ้นของน้องหมาไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การระบายความร้อนเท่านั้น แต่ยังอาจบ่งบอกถึงอารมณ์ ความรู้สึก และสภาวะต่างๆ ได้อีกด้วย มาดูกันว่าลิ้นห้อยและการแลบลิ้นแต่ละแบบบอกอะไรเราได้บ้าง


1. การปรับอุณหภูมิร่างกาย


เมื่อน้องหมารู้สึกร้อน ไม่ว่าจะจากการวิ่งเล่น เดินในวันแดดจัด หรือแม้แต่นอนอาบแดด พวกเขาจะแลบลิ้นและหอบเพื่อระบายความร้อน เพื่อน ๆ อาจสังเกตเห็นว่าลิ้นจะยิ่งห้อยยาวมากขึ้นเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น


หากเจ้าของเห็นน้องหมาลิ้นห้อยยาวผิดปกติ ลิ้นมีสีแดงเข้มมาก และหอบถี่รุนแรง นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะร้อนเกิน (Heat Exhaustion) หรือโรคลมแดด (Heat Stroke) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการช่วยเหลือทันที


2. ความเครียดและความวิตกกังวล


น้องหมาที่เครียดหรือวิตกกังวลจะมีการแลบลิ้นที่แตกต่างจากการระบายความร้อน โดยมักเป็นการแลบลิ้นสั้น ๆ เร็ว ๆ อาจมีการเลียริมฝีปากบ่อย ๆ ร่วมด้วย แม้ว่าอากาศจะไม่ร้อนก็ตาม


ทั้งนี้เจ้าของควรสังเกตภาษากายอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น หูแนบลงกับใบหน้า หางตก ตัวสั่น หรือการเดินวนไปมา ซึ่งบ่งชี้ว่าน้องหมาอาจกำลังรู้สึกไม่สบายใจ


3. ความเจ็บปวดหรือความไม่สบายตัว


หากน้องหมาของเพื่อน ๆ แลบลิ้นโดยไม่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิหรือความเครียด อาจเป็นสัญญาณของความเจ็บปวด โดยเฉพาะหากเกิดร่วมกับพฤติกรรมอื่นๆ เช่น


  • การเอียงศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่ง

  • การใช้เท้าเกาที่ปาก

  • การปฏิเสธอาหารหรือกินอาหารน้อยลง

  • เสียงครวญคราง หรือร้องเมื่อสัมผัสบริเวณใดบริเวณหนึ่ง

  • ความผิดปกติทางทันตกรรม เช่น โรคเหงือกอักเสบ ฟันผุ หรือฟันแตก ก็อาจทำให้น้องหมาแลบลิ้นบ่อยกว่าปกติ


4. ความตื่นเต้นและความสุข


เมื่อน้องหมามีความสุขหรือตื่นเต้น เช่น เมื่อเห็นพ่อ ๆ แม่ ๆกลับบ้านหลังจากไปทำงาน หรือเมื่อถึงเวลาไปเดินเล่น พวกเขามักจะแลบลิ้นและหอบเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น ซึ่งมักมาพร้อมกับหางที่กระดิก ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น หรือการกระโดดไปมา


สุนัขบางตัวมีนิสัย "ยิ้ม" ด้วยการยกมุมปากขึ้นและแลบลิ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความสุขและความพอใจ โดยเฉพาะพันธุ์ที่ขึ้นชื่อเรื่องหน้ายิ้มอย่าง ไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่จะแลบลิ้น ยิ้มมุมปากเหมือนบอกว่า “หนูมีความสุขมากเลยล่ะ!”


5. การสำรวจกลิ่น 


การที่น้องหมาใช้ลิ้นไม่ได้เป็นแค่การชิมรสชาติ แต่ยังช่วยในการวิเคราะห์กลิ่น ด้วยอวัยวะพิเศษที่เรียกว่า acobson’s organ หรือ Vomeronasal organ ที่อยู่ลึกในโพรงจมูก


บางครั้งคุณอาจเห็นน้องหมาเลียจมูกหรือแลบลิ้นสั้นๆ หลังจากดมบางอย่าง โดยเฉพาะกลิ่นปัสสาวะของสุนัขตัวอื่น นี่เป็นวิธีที่พวกเขารับโมเลกุลของกลิ่นเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุนัขตัวอื่น อยู่นั่นเอง 


6. โรคลิ้นห้อยในสุนัข (Hanging Tongue Syndrome)


กลุ่มอาการลิ้นห้อยเป็นภาวะที่น้องหมาไม่สามารถเก็บลิ้นไว้ในปากได้อย่างสมบูรณ์ มักพบในสายพันธุ์ที่มีจมูกสั้น หรือมีลิ้นใหญ่เกินไปสำหรับช่องปาก สาเหตุอาจเกิดจาก


  • พันธุกรรม โดยเฉพาะในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น

  • การสูญเสียฟันที่ช่วยรองรับลิ้น

  • ปัญหาขากรรไกรผิดรูป

  • ความผิดปกติของเส้นประสาทที่ควบคุมลิ้น


ในหลายกรณี กลุ่มอาการนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของน้องหมา แต่อาจต้องการการดูแลพิเศษเพื่อป้องกันลิ้นแห้งหรือบาดเจ็บ



อาการของโรคลิ้นห้อยในสุนัข 


อาการที่แสดงออกชัดเจนของโรคลิ้นห้อย มีดังนี้


  • ลิ้นห้อยตลอดเวลา: ส่วนปลายลิ้นหรือลิ้นทั้งหมดยื่นออกมานอกปากแม้ในขณะพักผ่อน ไม่ได้ออกกำลังกาย และไม่ได้อยู่ในสภาพอากาศร้อน

  • ไม่สามารถเก็บลิ้นเข้าปากได้: แม้จะพยายามเก็บลิ้นเข้าไปในปาก น้องหมาก็ไม่สามารถทำได้สมบูรณ์

  • ลิ้นแห้ง แตก หรือบาดเจ็บ: เนื่องจากลิ้นสัมผัสกับอากาศตลอดเวลา ทำให้เกิดการสูญเสียความชุ่มชื้น ลิ้นอาจแห้ง แตก หรือมีแผลได้

  • การเปลี่ยนสีของลิ้น: ลิ้นอาจมีสีเข้มขึ้นหรือซีดลงกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระยะเวลาที่เป็น

  • ปัญหาการกินอาหาร: น้องหมาอาจมีความยากลำบากในการกินอาหารหรือดื่มน้ำ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมลิ้นได้อย่างเต็มที่

  • น้ำลายไหลมากผิดปกติ: การที่ลิ้นห้อยออกมาตลอดเวลาอาจทำให้เกิดการไหลของน้ำลายมากกว่าปกติ


การวินิจฉัยโรคลิ้นห้อย


การวินิจฉัยโรคลิ้นห้อยในสุนัขมักประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้


  • การตรวจร่างกายทั่วไป: สัตวแพทย์จะตรวจสภาพทั่วไปของน้องหมา รวมถึงสังเกตลักษณะและรูปร่างของปาก ขากรรไกร และลิ้น

  • ประวัติสุขภาพ: การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพันธุ์สุนัข อายุ ประวัติการเจ็บป่วย การบาดเจ็บ หรือการผ่าตัดที่ผ่านมา

  • การตรวจช่องปาก: การตรวจสอบลักษณะของลิ้น สีของลิ้น การเคลื่อนไหวของลิ้น และสภาพของฟันและเหงือก

  • การตรวจทางระบบประสาท: การประเมินการทำงานของเส้นประสาทที่ควบคุมลิ้น

  • การถ่ายภาพรังสี (X-ray): เพื่อตรวจสอบโครงสร้างกระดูกขากรรไกรและฟัน

  • การตรวจเลือดและปัสสาวะ: เพื่อตรวจหาโรคทางระบบที่อาจส่งผลต่อการทำงานของลิ้น เช่น โรคไต หรือโรคต่อมไทรอยด์

  • การตรวจด้วย MRI หรือ CT Scan: ในกรณีที่สงสัยความผิดปกติทางระบบประสาท หรือเนื้องอก


การรักษาโรคลิ้นห้อยในสุนัข


อาการลิ้นห้อยไม่ได้อันตรายเสมอไป และในหลาย ๆ กรณีก็ไม่จำเป็นต้องรักษาอะไรเลยด้วยซ้ำ! โดยเฉพาะถ้าน้องยังร่าเริง กินได้ เล่นได้ตามปกติ ลิ้นห้อยก็อาจเป็นเพียงเอกลักษณ์น่ารัก ๆ ของเขาเท่านั้นเอง


แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสัตวแพทย์ตรวจแล้วพบว่ามี ปัญหาแอบแฝง อย่างเช่น ปัญหาทางช่องปาก หรืออาการที่ทำให้น้องรู้สึกไม่สบาย หรือกินอาหารลำบาก ก็อาจต้องมีการรักษาเพิ่มเติม


แนวทางการดูแลที่สัตวแพทย์อาจแนะนำ:

การดูแลในช่องปาก


หากปัญหาลิ้นห้อยเกิดจากโครงสร้างปาก ฟัน หรือขากรรไกร การทำทันตกรรม หรือผ่าตัดเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจช่วยให้น้องหมาสบายตัวขึ้น และเก็บลิ้นได้มากขึ้น


การใช้ยา


ในบางกรณี หากมีอาการอักเสบ หรือเจ็บปวดจากลิ้นที่แห้งหรือเป็นแผล สัตวแพทย์อาจให้ยาเพื่อลดการอักเสบ หรือบรรเทาอาการเจ็บ



อาการลิ้นห้อยในสุนัขแต่ละสายพันธุ์


สุนัขแต่ละสายพันธุ์มีรูปแบบการแลบลิ้นที่แตกต่างกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงสร้างร่างกาย ประวัติการผสมพันธุ์ และสภาพแวดล้อมที่สายพันธุ์นั้นถูกพัฒนาขึ้น


สายพันธุ์หน้าสั้น (Brachycephalic Breeds)


สุนัขหน้าสั้น เช่น ปั๊ก, เฟรนช์ บูลด็อก, บอสตัน เทอร์เรีย, ชิสุ และปักกิ่ง มีลักษณะเด่นคือจมูกสั้น ทางเดินหายใจแคบ และช่องปากที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับลิ้น สุนัขกลุ่มนี้มักมีลิ้นห้อยแม้ในสภาวะปกติ


นอกจากนี้ พวกเขายังประสบปัญหาในการระบายความร้อนมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากโครงสร้างทางเดินหายใจที่จำกัด เจ้าของสุนัขสายพันธุ์เหล่านี้จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการป้องกันไม่ให้น้องหมาเกิดภาวะร้อนเกินไป โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนมากๆ


สายพันธุ์ขนหนา


สายพันธุ์ที่มาจากเขตหนาว เช่น อลาสกัน มาลามิวท์, ไซบีเรียน ฮัสกี้, เซนต์เบอร์นาร์ด หรือนิวฟาวด์แลนด์ มีขนหนาและร่างกายที่ออกแบบมาเพื่อเก็บความร้อน ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะหอบและแลบลิ้นมากกว่าเมื่ออยู่ในสภาพอากาศอุ่นๆ หรืออากาศร้อน

เจ้าของน้องหมากลุ่มนี้ควรให้ความสำคัญกับการจัดการความร้อนในฤดูร้อน เช่น การเลี่ยงการออกกำลังกายในช่วงที่อากาศร้อนจัด หรือการจัดเตรียมน้ำและที่ร่มให้เพียงพอ


 

การที่น้องหมาแลบลิ้น หรือมีลิ้นห้อยออกมา คือภาษากายที่บอกเล่าอารมณ์ ความรู้สึก ไปจนถึงสุขภาพของเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นการแลบลิ้นเพื่อระบายความร้อน แสดงความสุข ตื่นเต้น หรือแม้แต่บอกว่าเขาเครียด เจ็บ หรือมีปัญหาในช่องปาก สิ่งสำคัญคือเจ้าของควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมอื่น ๆ ร่วมด้วยเสมอ เพราะลิ้นห้อยบางแบบอาจบ่งบอกถึงภาวะที่ต้องได้รับการดูแล หรือเข้าพบสัตวแพทย์โดยเร็ว


และนอกจากการสังเกตพฤติกรรมแล้ว อีกหนึ่งเรื่องพื้นฐานที่เจ้าของไม่ควรมองข้ามก็คือ อาหาร เพราะโภชนาการที่ดีคือจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่แข็งแรงทั้งภายในและภายนอก ยังไงเราก็ขอฝาก Yora อาหารสุนัขเกรด Holistic นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ซึ่งทำมาจากโปรตีนแมลง ย่อยง่าย ให้โภชนาการสูง เหมาะกับน้องหมาทุกสายพันธุ์ ไว้ด้วยนะครับ




 
 
 

1 Comment


Rishu Sharma
Rishu Sharma
9 hours ago

Feel the heat with our ravishing girls from Radisson Blu escort services. Our escorts in Radisson Blu are passionate, seductive, and really ready to sweep you off your feet. The Escorts in Radisson Blu Kaushambi will provide for all your needs, from private affairs to wild adventures. Now stop procrastinating and go ahead to book your most desired escort.

Like
bottom of page