ข้อมูลทั่วไปสำหรับสุนัขพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
ถ้าพูดถึงสุนัขที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ที่สุดในโลก ดัชชุน (Dachshund) หรือที่หลายคนเรียกว่า "หมาไส้กรอก" คงต้องติดอันดับต้น ๆ แน่นอน ด้วยลำตัวยาวและขาสั้น พร้อมกับนิสัยที่ทั้งฉลาดและกล้าหาญ ทำให้พวกเขาเป็นที่รักของคนทั่วโลก วันนี้ Yora Thailand จะพาทุกคนไปทำความรู้จักสายพันธุ์นี้ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำแนวทางการเลี้ยงดู สำหรับว่าที่พ่อ ๆ แม่ ๆ ที่กำลังศึกษาข้อมูลของสายพันธุ์นี้กันอยู่ แถมวันนี้เรามีลิสต์ฟาร์มเจ้าหมาไส้กรอกมาฝากอีกด้วยสำหรับใครที่พร้อมจะรับน้องเข้าบ้านเลย ถ้าพร้อมแล้วไปมาดูกันเลยครับ!
ภาพรวมน้องหมาดัชชุน (Dachshund) หรือน้องหมาไส้กรอก
น้ำหนักเฉลี่ย | 4-11 กิโลกรัม |
ส่วนสูงเฉลี่ย | 13-25 เซนติเมตร |
อายุขัยเฉลี่ย | 12-16 ปี |
ลักษณะขน | มี 3 แบบ (ขนสั้น ขนยาว และขนตั้งตรง) |
สีขน | น้ำตาล ดำ น้ำตาลแดง ครีม เทา และลายผสม |
นิสัย | ฉลาด กล้าหาญ รักเจ้าของ ดื้อรั้นเล็กน้อย |
โรคที่ต้องระวัง |
|
ประวัติของสุนัขพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
น้อยคนจะรู้ว่าดัชชุนมีประวัติที่น่าสนใจมาก เราต้องย้อนกลับไปเมื่อกว่า 600 ปีที่แล้วในประเทศเยอรมัน เจ้าตูบขาสั้นตัวยาวนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นนักล่ามืออาชีพ! พวกเขาเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์ใต้ดินอย่างแบดเจอร์และกระต่าย รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ทั้งขาสั้นและลำตัวยาว ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอย ๆ แต่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถคลานเข้าไปในโพรงสัตว์ได้อย่างคล่องแคล่ว ความกล้าหาญและไหวพริบดีก็เป็นคุณสมบัติที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อการล่าสัตว์โดยเฉพาะ
ในปลายปีคริสต์ศตวรรษที่ 19 น้องหมาพันธุ์ดัชชุนได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้เริ่มมีการเพาะพันธุ์หมาไส้กรอกเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านกันมากขึ้น แม้ปัจจุบันพวกเขาจะผันตัวมาเป็นสุนัขเลี้ยงที่น่ารักแล้ว แต่สัญชาตญาณนักล่าก็ยังคงอยู่ เพื่อน ๆ อาจจะเห็นน้อง ๆ ชอบขุดดินหรือไล่ตามสัตว์เล็ก ๆ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษนักล่านั่นเอง
ลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
ดัชชุนเป็นสุนัขที่มีบุคลิกโดดเด่นมาก ๆ พวกเขาฉลาดและมีไหวพริบดี สามารถเรียนรู้คำสั่งได้เร็ว แต่ก็มาพร้อมกับความดื้อรั้นในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่แปลกเลย เพราะในอดีตพวกเขาต้องคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองในระหว่างการล่าสัตว์
สิ่งที่ทำให้หลายคนหลงรักหมาไส้กรอกคือความรักและความจงรักภักดีที่พวกเขามีต่อเจ้าของ พวกเขาชอบอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว และมักจะติดเจ้าของคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษเรียกได้ว่าถึงขั้นเป็นเงาติดตัวเลยก็ว่าได้ เพราะชอบตามเจ้าของไปทุกที่ในบ้าน
นอกจากนี้ ดัชชุนยังเป็นสุนัขที่ตื่นตัวและกระตือรือร้น ชอบการเล่นและการสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัว แต่ก็ไม่ได้ซนจนเกินไป พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์ของเจ้าของได้ดี ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ๆ สายแอคทีฟ หรือชอบอยู่บ้านสบาย ๆ
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่เจ้าของควรระวัง นั่นคือสัญชาตญาณนักล่าที่ยังคงอยู่ พวกเขาอาจจะไล่ตามสัตว์เล็ก ๆ เช่น กระรอกหรือแมว และอาจเห็นการขุดดินเป็นกิจกรรมที่สนุก การฝึกตั้งแต่อายุยังน้อยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ว่าพฤติกรรมไหนควรหรือไม่ควรทำ
มาตรฐานสายพันธุ์เเละลักษณะทางร่างกายที่ดีสำหรับสุนัขพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
เมื่อมองดัชชุนแล้ว สิ่งแรกที่จะสะดุดตาคือรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยลำตัวยาวและขาสั้น ดัชชุนที่ได้มาตรฐานต้องมีสัดส่วนที่ลงตัว ระยะจากอกถึงพื้นควรเป็นหนึ่งในสามของความสูงทั้งหมด ลำตัวยาวพอดี ไม่ยืดจนดูเหมือนงู และไม่สั้นจนคล้ายสุนัขพันธุ์อื่น
กล้ามเนื้อต้องกระชับ แน่น สัมผัสได้ถึงความแข็งแรงเมื่อลูบไล้ไปตามตัว เหมือนนักกีฬาตัวเล็ก ๆ ที่พร้อมจะวิ่งและขุดดินได้ทุกเมื่อ
ส่วนหัวของดัชชุนเป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เมื่อมองจากด้านบน คุณจะเห็นรูปทรงคล้ายลิ่ม จมูกยาวได้สัดส่วนกับกะโหลก ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป สันจมูกตรง ไม่งุ้มขึ้นหรือโค้งลงเหมือนสุนัขบางพันธุ์ ดวงตาของดัชชุนเป็นส่วนที่สะท้อนบุคลิกได้ดีที่สุด ตาควรกลมรี สีเข้ม เปล่งประกายความฉลาดและความร่าเริง ส่วนหูนั้นต้องพับลงมาแนบแก้ม ปลายมนนุ่มนวล ทำให้ใบหน้าดูน่ารักน่าเอ็นดู
คอของดัชชุนควรยาวพอประมาณ มีกล้ามเนื้อแน่น ไม่มีหนังคอย้วยย้อย ส่วนหน้าอกนั้นลึกและกว้าง ซี่โครงโค้งสวยงาม ทำให้มีพื้นที่พอสำหรับหัวใจและปอดที่แข็งแรง ซึ่งสำคัญมากสำหรับสุนัขที่ต้องใช้พละกำลังในการขุดและไล่ล่าเหยื่อใต้ดิน
แม้ขาของดัชชุนจะสั้น แต่ต้องแข็งแรงและมีพลัง ขาหน้าตรง ไม่บิดเบี้ยว ข้อศอกแนบชิดลำตัว ขาหลังมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ แสดงถึงพละกำลังในการวิ่งและขุด เท้ากลมกะทัดรัด นิ้วเท้าชิดกัน อุ้งเท้าหนาแน่น เล็บแข็งแรง พร้อมสำหรับการผจญภัย
ดัชชุนมีความพิเศษตรงที่มีขนให้เลือกถึง 3 แบบ แต่ละแบบมีเสน่ห์เฉพาะตัว
ขนสั้น เรียบลื่น มันวาว แนบติดผิวหนัง ดูแลง่าย เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของบ้านเรา
ขนยาว นุ่มสลวย มีขนยาวสวยงามที่คอ อก ท้อง และหลังขา หางเป็นพวงสวยงาม ดูหรูหราแต่ต้องดูแลเป็นพิเศษ
ขนตั้งตรง มีความหยาบแต่มีเสน่ห์ มีขนอ่อนซ่อนอยู่ด้านใน พร้อมหนวดและคิ้วเด่นชัด ให้ลุคดุดันน่าเกรงขาม
สีขนก็มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ น้ำตาล ดำ น้ำตาลแดง ครีม เทา ไปจนถึงลายเสือสุดเท่ แต่ละสีล้วนสวยงามไม่แพ้กัน ส่วนเรื่องขนาด ดัชชุนมี 3 ขนาดตามมาตรฐานสายพันธุ์คือ ขนาดมาตรฐาน ขนาดมินิเอเจอร์ และขนาดเล็กหรือขนาดกระต่าย (Kaninchen)
โรคที่ต้องระวังในสุนัขสายพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Intervertebral Disk Disease - IVDD) โรคที่พบบ่อยที่สุดในดัชชุน ซึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ด้วยลำตัวที่ยาวและขาสั้น ทำให้กระดูกสันหลังต้องรับแรงกดทับมากกว่าปกติ เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพหรือได้รับแรงกระแทก อาจเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวด กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือขาเป็นอัมพาตได้ การป้องกันทำได้โดยควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการกระโดดสูง เน้นให้น้อง ๆ เดินบนทางลาดแทนบันได
โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia) และโรคข้อเข่าเคลื่อน (Patellar Luxation) เนื่องจากโครงสร้างร่างกายที่ไม่สมดุล ขาที่สั้นต้องรับน้ำหนักจากลำตัวที่ยาว ทำให้ข้อต่อต่าง ๆ ต้องทำงานหนักเกินไป โดยเฉพาะเมื่อน้ำหนักเกินมาตรฐาน การออกกำลังกายที่เหมาะสมและการควบคุมน้ำหนักจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปัญหาเหล่านี้
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) และลำไส้อักเสบ (Enteritis) ระบบทางเดินอาหารก็เป็นจุดอ่อนของดัชชุน เนื่องจากนิสัยการกินที่รวดเร็วและความอ่อนไหวของระบบย่อยอาหาร การให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม แบ่งมื้อ และเลือกอาหารที่ย่อยง่ายจะช่วยลดความเสี่ยงได้
โรคหูอักเสบ (Otitis) ก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยในดัชชุน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีหูยาวปิดใบหน้า ความชื้นและความอับที่สะสมในช่องหูทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย หากไม่ได้รับการดูแลอาจลุกลามจนเกิดการสูญเสียการได้ยิน การทำความสะอาดหูอย่างสม่ำเสมอและการตรวจสุขภาพหูเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้
อาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขสายพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
อาหารสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ดัชชุน ช่วงอายุ 1-3 เดือน:
ในวัยเด็ก ลูกหมาดัชชุนต้องการสารอาหารที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโปรตีนคุณภาพสูงและแคลเซียมที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นช่วงที่กระดูกและกล้ามเนื้อกำลังพัฒนา ในช่วงแรก (1-2 เดือน) ลูกดัชชุนควรได้รับนมแม่หรือนมทดแทนสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ เมื่อเริ่มหย่านม (อายุประมาณ 3-4 สัปดาห์) ควรค่อย ๆ แนะนำอาหารเม็ดสูตรลูกสุนัขที่นุ่มและย่อยง่าย โดยแช่น้ำอุ่นให้นิ่มก่อนให้กิน
อาหารสำหรับสุนัขพันธุ์ดัชชุน โตเต็มวัย ช่วงอายุ 1 ปี:
เมื่อดัชชุนเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย ความต้องการพลังงานและสารอาหารจะเปลี่ยนไป โดยเน้นการรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมและดูแลระบบกระดูกและข้อต่อเป็นพิเศษ เนื่องจากโครงสร้างร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ควรให้น้อง ๆ ได้รับโปรตีนคุณภาพดี ไขมันดี รวมไปถึง กลูโคซามีนและคอนดรอยตินเพื่อบำรุงข้อต่อ ใยอาหารที่เหมาะสมเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี วิตามิน E และ C เพื่อต้านอนุมูลอิสระ ควรแบ่งอาหารเป็น 2-3 มื้อต่อวัน และคอยควบคุมปริมาณแคลอรีให้เหมาะสม เพราะดัชชุนมีแนวโน้มที่จะอ้วนได้ง่าย หากน้ำหนักมากเกินไปจะส่งผลต่อกระดูกสันหลังและข้อต่อ สำหรับโดยปริมาณแคลอรี่ที่แนะนำสำหรับน้องหมาดัชชุนแต่ละตัวนั้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งขนาดตัว อัตราการเผาผลาญ และรูปแบบกิจกรรมของน้อง ๆ วิธีที่ดีที่สุดในการกำหนดปริมาณอาหารคือการปรึกษาสัตวแพทย์ครับ
อาหารสำหรับสุนัขพันธุ์ดัชชุน สูงวัย อายุ 7 ปี ขึ้นไป:
เมื่อดัชชุนเข้าสู่วัยสูงอายุ ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะทำงานช้าลง ความต้องการพลังงานลดลง แต่ต้องการสารอาหารบางชนิดมากขึ้น จึงควรเปลี่ยนมาให้อาหารสูตรสำหรับสุนัขสูงวัยโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีแคลอรี่ต่ำลง แต่ยังคงคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ดัชชุนที่อายุเยอะควรได้รับโปรตีนคุณภาพสูงแต่ย่อยง่าย อาหารไขมันต่ำ กลูโคซามีนและคอนดรอยตินในปริมาณสูงโอเมก้า 3 และ 6 เพื่อสุขภาพสมองและข้อต่อ สารต้านอนุมูลอิสระสูง ใยอาหารสูงเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี แคลอรีต่ำเพื่อป้องกันโรคอ้วน ควรแบ่งมื้ออาหารเป็น 3-4 มื้อเล็กๆ เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี และควรเลือกอาหารที่มีขนาดเม็ดเล็ก นุ่ม เคี้ยวง่าย เพราะสุนัขสูงอายุอาจมีปัญหาเรื่องฟัน
วิธีการดูแลสุนัขพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
การดูแลลูกสุนัขพันธุ์ดัชชุน ช่วงอายุ 4-7 เดือน
ช่วงอายุ 4-7 เดือนถือเป็นช่วงสำคัญในการวางรากฐานพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและพฤติกรรม เป็นวัยที่เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูง อยากรู้อยากเห็น และต้องการการฝึกฝนที่เหมาะสม
เริ่มจากเรื่องการเจริญเติบโต ในช่วงนี้กระดูกและกล้ามเนื้อกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกหมาดัชชุนกระโดดจากที่สูง หรือวิ่งขึ้นลงบันไดบ่อยๆ เพราะอาจส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังที่ยังไม่แข็งแรงเต็มที่
การออกกำลังกายควรเป็นการเดินเล่นสั้นๆ วันละ 15-20 นาที 2 ครั้ง และให้เล่นแบบที่ไม่หักโหมจนเกินไป เช่น การโยนของเล่นในระยะใกล้ หรือเกมฝึกสมอง การนอนพักผ่อนก็สำคัญไม่แพ้กัน ลูกดัชชุนควรได้นอนอย่างน้อย 16-18 ชั่วโมงต่อวัน
นอกจากนี้ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาของการฝึกพื้นฐาน เริ่มจากการฝึกขับถ่ายให้เป็นที่ การนั่ง นอน และการมาเมื่อเรียก ควรใช้วิธีการฝึกแบบให้รางวัล ไม่ใช้การลงโทษ เพราะดัชชุนเป็นสุนัขที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ การพาออกไปเจอสิ่งแวดล้อมและสัตว์ใหม่ๆ ก็สำคัญมาก แต่ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต้องแน่ใจว่าได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว
ส่วนเรื่องการดูแลสุขภาพและความสะอาด ควรเริ่มสร้างความคุ้นเคยกับการแปรงขน ตัดเล็บ และทำความสะอาดหู ฟัน ตา ควรแปรงขนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพื่อกำจัดขนตายและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
การดูแลสุนัขพันธุ์ดัชชุนโตเต็มวัย อายุ 1 ปีขึ้นไป
เมื่อดัชชุนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ การดูแลจะเน้นการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว การออกกำลังกายในวัยผู้ใหญ่ควรมีความสม่ำเสมอ โดยเน้นกิจกรรมที่ไม่กระทบกระเทือนกระดูกสันหลังมากเกินไป เช่น การเดินเล่น 20-30 นาทีต่อครั้ง วันละ 2 ครั้ง การว่ายน้ำ (สำหรับน้องหมาดัชชุนบางตัวที่ชอบน้ำ) เป็นการออกกำลังกายที่ดีมากเพราะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยไม่กดทับกระดูกสันหลัง
การควบคุมน้ำหนักเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการมีน้ำหนักเกินจะเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหากระดูกสันหลังและข้อต่อ ควรชั่งน้ำหนักเป็นประจำและปรับปริมาณอาหารตามความเหมาะสม จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม โดยติดตั้งทางลาดแทนบันไดในจุดที่จำเป็น ใช้เบาะที่นุ่มแต่รองรับน้ำหนักได้ดี และหลีกเลี่ยงพื้นลื่น
ดัชชุนเป็นสุนัขที่ต้องการความรักและความเอาใจใส่จากเจ้าของ ควรจัดสรรเวลาในการเล่นและทำกิจกรรมร่วมกัน การฝึกเล่นเกมค้นหาของหรือเกมฝึกสมองจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสติปัญญาและป้องกันความเบื่อหน่ายและโรคเครียด
การดูแลขนและผิวหนังควรทำอย่างสม่ำเสมอ อาบน้ำทุก 4-6 สัปดาห์ ใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพผิวและขน ตรวจสอบและทำความสะอาดหูทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แปรงฟันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปาก
นอกจากการดูแลประจำวันแล้ว ควรพาน้องดัชชุนไปตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจหาปัญหาสุขภาพแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะการตรวจสุขภาพกระดูกสันหลัง ข้อต่อ และฟัน รวมถึงการฉีดวัคซีนกระตุ้นตามกำหนด
ราคาหมาพันธุ์ดัชชุน (Dachshund)
เรื่องราคาสุนัขพันธุ์ดัชชุนในประเทศไทยนั้น มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ซึ่งราคาเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพของสายพันธุ์ การดูแล และมาตรฐานการเพาะเลี้ยงตั้งแต่ต้นทาง สำหรับดัชชุนขนาดมาตรฐานที่มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000-25,000 บาท แต่หากเป็นดัชชุนที่มาพร้อมใบรับรองสายพันธุ์ (Pedigree) และประวัติการดูแลสุขภาพที่ดี ราคาอาจอยู่ที่ 25,000-50,000 บาท
ในกรณีที่เป็นดัชชุนคุณภาพสูง โดยเฉพาะขนาดมินิเอเจอร์หรือคานิเชนที่มาจากสายเลือดดี มีลักษณะโดดเด่นตรงตามมาตรฐาน และมีใบรับรองจากสมาคมที่น่าเชื่อถือ เช่น The Kennel Club (TKC) หรือ American Kennel Club (AKC) ราคาอาจสูงถึง 80,000-200,000 บาท โดยเฉพาะดัชชุนที่มีสีขนหายาก เช่น สีลายเสือ (Dapple) หรือมีลักษณะขนพิเศษอย่างขนแข็ง (Wire-haired) ที่พบได้น้อยในประเทศไทย
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณานอกเหนือจากราคา คือประวัติและความน่าเชื่อถือของฟาร์มผู้เพาะพันธุ์ สุขภาพของลูกสุนัข และค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว เนื่องจากดัชชุนเป็นสุนัขที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเฉพาะพันธุ์ โดยเฉพาะโรคหมอนรองกระดูกสันหลัง การเลือกซื้อจากฟาร์มที่มีมาตรฐานและมีการคัดกรองพ่อแม่พันธุ์ที่ดี แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่จะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในอนาคตได้
สำหรับใครที่มองหาแหล่งซื้อตัวน้อง ๆ อยู่ ทางเราก็ได้เตรียมลิสต์ฟาร์มสุนัขพันธุ์ดัชชุนในประเทศไทยมาให้แล้ว มีที่ไหนบ้าง ไปเลือกดูกันได้เลย
5 อันดับฟาร์มหมาพันธุ์ดัชชุน (Dachshund) ยอดนิยมในประเทศไทย
ดัชชุนหรือเจ้าหมาไส้กรอกถือเป็นสุนัขที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร แม้จะต้องการการดูแลเป็นพิเศษในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องกระดูกสันหลังและน้ำหนักตัว แต่ความรักและความจงรักภักดีที่พวกเขาจะมอบให้เรานั้นคุ้มค่าเกินกว่าจะประเมินได้
สำหรับใครที่กำลังคิดจะเลี้ยงดัชชุน สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและเตรียมความพร้อมทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแล เพราะดัชชุนต้องการมากกว่าแค่อาหารและที่พักอาศัย พวกเขาต้องการความรัก การใส่ใจ การออกกำลังกายที่เหมาะสม และการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เสมือนเป็นสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว
การเลือกอาหารที่มีคุณภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุด ควรเลือกอาหารที่เหมาะกับขนาดตัวและวัยของดัชชุน มีโปรตีนคุณภาพดี และมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน ยังไงเราก็ขอฝาก Yora อาหารสุนัขเกรด Holistic นำเข้าจากประเทศอังกฤษ ซึ่งทำมาจากโปรตีนแมลง ย่อยง่าย ให้โภชนาการสูง ไว้ด้วยนะครับ
Comments